โปรตีนบาร์มีกี่แบบ อะไรบ้าง?

โปรตีนบาร์มีกี่แบบ อะไรบ้าง?

โปรตีนบาร์ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมไปทั่วโลกไว้ใช้สำหรับทดแทนขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยโปรตีนบาร์เป็นที่นิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบตะวันตกที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมาและความสะดวก หรือแม้แต่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกอย่างญี่ปุ่น ที่ผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ทั้งในเวลาทำงาน ก่อนออกกำลังกาย ระหว่างเดินทาง หรือเรียนพิเศษ

ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคนี้เอง เป็นแรงผลักดันให้ผู้ผลิตคิดค้นและพัฒนาโปรตีนบาร์ออกมาหลากหลายประเภท โดยทั่วไปแล้วโปรตีนบาร์แบ่งเป็น 4 ประเภทดังต่อไปนี้

1. โปรตีนบาร์แบบนุ่ม (Soft Protein Bar)

โปรตีนบาร์แบบนุ่ม ถือเป็นประเภทที่เราพบเห็นได้ง่ายที่สุดในตลาด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน และส่วนผสมที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา

โปรตีนบาร์ประเภทนี้ส่วนใหญ่มีส่วนผสมหลักคือ ผงโปรตีน (มักจะเป็นเวย์โปรตีน) นำมาผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ถั่วชนิดต่างๆ ข้าวโอ๊ต กราโนล่า หรือธัญพืชต่างๆ เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสและคุณค่าทางอาหาร จากนั้นจึงปรุงแต่งรสชาติตามต้องการ

เพื่อให้โปรตีนบาร์แบบนุ่มทานง่ายและน่าสนใจยิ่งขึ้น ผู้ผลิตหลายรายมักจะเคลือบด้านนอกด้วยช็อกโกแลต หรือส่วนผสมที่มีรสหวานอื่นๆ

ข้อดีที่เห็นได้ชัดของโปรตีนบาร์แบบนุ่มคือ ผลิตง่าย หาซื้อได้ง่าย มีหลากหลายยี่ห้อและรสชาติให้เลือก แต่ข้อเสียก็คือ รสชาติและเนื้อสัมผัสอาจจะไม่ถูกปากนักสำหรับบางคน หากมีปริมาณโปรตีนสูงมาก ก็อาจทำให้รู้สึกฝืดคอขณะเคี้ยว และบางครั้งก็มีความเหนียวติดฟัน

2. โปรตีนบาร์ Plant-based

โปรตีนบาร์ Plant-based ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ไม่สามารถทานเวย์โปรตีนได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางสุขภาพ เช่น การแพ้แลคโตส หรือเหตุผลทางด้านอาหาร เช่น ผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน

หัวใจสำคัญของโปรตีนบาร์ประเภทนี้คือ ส่วนผสมทั้งหมดจะต้องไม่มีผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ แหล่งโปรตีนหลักที่ใช้จึงเป็นโปรตีนจากพืช เช่น โปรตีนถั่วเหลือง โปรตีนถั่วลันเตา โปรตีนจากข้าว โปรตีนจากเมล็ดฟักทอง หรือโปรตีนจากอัลมอนด์ โดยทั่วไปแล้ว เนื้อสัมผัสของโปรตีนบาร์ Plant-based จะมีความคล้ายคลึงกับโปรตีนบาร์แบบนุ่ม คือมีความหนึบ แต่จะค่อนข้างมีความแห้งมากกว่า

ข้อดีที่สำคัญของโปรตีนบาร์จากพีชคือเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทานเวย์โปรตีนได้ และยังเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าในแง่ของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ข้อเสียคือ เนื้อสัมผัสอาจจะไม่ถูกปากเท่าโปรตีนบาร์ที่ทำจากเวย์โปรตีน และโปรตีนจากพืชบางชนิดอาจมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ครบถ้วนเท่าโปรตีนจากนม

3. โปรตีนบาร์แบบเวเฟอร์

โปรตีนบาร์แบบเวเฟอร์ มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ คือประกอบด้วยแผ่นเวเฟอร์บางกรอบสลับชั้นกับเนื้อครีมที่มีส่วนผสมของโปรตีน รวมกันหลายๆ ชั้นเป็น 1 บาร์

โครงสร้างหลักของโปรตีนบาร์ประเภทนี้คือ การวางสลับชั้นของแผ่นเวเฟอร์กรอบ และเนื้อครีมที่มีรสชาติต่างๆ ทำให้ได้ทั้งความกรอบจากเวเฟอร์และความนุ่มละมุนจากครีมในทุกคำที่กัด ผงโปรตีนจะถูกผสมเข้าไปในเนื้อครีมระหว่างชั้นเวเฟอร์ ซึ่งอาจทำให้เนื้อครีมมีความฝืดเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกับความกรอบของเวเฟอร์แล้ว ทำให้เนื้อสัมผัสโดยรวมทานง่าย

ข้อดีเด่นๆ ของโปรตีนบาร์แบบเวเฟอร์คือ ทานง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนทานขนมเวเฟอร์ทั่วไป ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนแต่ไม่อยากรู้สึกเหมือนกำลังทานอาหารเสริม ข้อเสียคือ อาจมีความฝืดของเนื้อครีมอยู่บ้างเล็กน้อยละปริมาณโปรตีนต่อหนึ่งชิ้นอาจจะไม่สูงเท่าโปรตีนบาร์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากมีสัดส่วนของเวเฟอร์เข้ามาด้วย

ตัวอย่างโปรตีนบาร์แบบเวเฟอร์ที่เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่นคือของแบรนด์ Morinaga "In Protein Bar Wafer"

(ขอบคุณภาพจาก morinaga.co.jp)

4. โปรตีนบาร์แบบกรอบ (Crunchy Protein Bar)

โปรตีนบาร์แบบกรอบ เน้นที่การสร้างเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบมากขึ้น เพื่อให้ทานง่ายและมีความเพลิดเพลินในการเคี้ยว โปรตีนบาร์ประเภทนี้จะมีการเติมส่วนผสมที่มีความกรอบเข้าไปในเนื้อบาร์ เช่น อัลมอนด์สไลด์ ข้าวพอง ถั่วบดละเอียด หรือพัพถั่วเหลือง เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากโปรตีนบาร์แบบนุ่ม ส่วนผสมพื้นฐานยังคงเป็นผงโปรตีนผสมกับรสชาติต่างๆ แต่จะเน้นการเพิ่มส่วนประกอบที่มีความกรอบเพื่อสร้างความน่าสนใจในการทาน

ข้อดีที่ชัดเจนคือ เป็นโปรตีนบาร์ที่ทานง่าย อร่อยคล้ายขนม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนแต่ยังอยากได้ความอร่อยและเนื้อสัมผัสที่ดี ข้อเสียคือ อาจเป็นโปรตีนบาร์ประเภทที่หาได้ยากกว่า เนื่องจากกระบวนการผลิตอาจซับซ้อนกว่า และส่วนผสมที่กรอบที่มีรูอากาศอาจทำให้ขนาดของบาร์ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

เฮ้โปร! โปรตีนบาร์ - ตัวอย่างในตลาดไทย หนึ่งในแบรนด์ในประเทศไทยที่ผลิตโปรตีนบาร์แบบกรอบคือ เฮ้โปร! ซึ่งเน้นการใช้วัตถุดิบพิเศษที่ทำให้ได้โปรตีนบาร์ที่มีความกรอบ อร่อย ทานง่าย และมีโปรตีนจากทั้งนมและถั่วเหลือง ทำให้ได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และสะดวกในการพกพาไปทานได้ทุกที่ เหมาะสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบการทานของอร่อยแต่ก็ใส่ใจสุขภาพ

5. โปรตีนบาร์แบบผสม

โปรตีนบาร์แบบผสมมีลักษณะเด่นคือการรวมเอาเนื้อสัมผัสที่หลากหลายมาไว้ในบาร์เดียว มักจะมีการสร้างเป็นชั้นๆ ตั้งแต่สองชั้นขึ้นไป โดยแต่ละชั้นจะมีลักษณะและส่วนประกอบที่แตกต่างกัน

โปรตีนบาร์ประเภทนี้อาจมีชั้นล่างที่เป็นเนื้อนุ่มๆ หนึบๆ ซึ่งมักจะมีผงโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลัก ในขณะที่ชั้นบนหรือชั้นอื่นๆ อาจเน้นการใส่ถั่วอบกรอบ ข้าวพอง หรือส่วนผสมที่มีความกรุบกรอบ เพื่อสร้างความแตกต่างในทุกคำที่เคี้ยว

จุดประสงค์หลักของการออกแบบโปรตีนบาร์แบบผสม คือการลดทอนข้อเสียของโปรตีนบาร์แบบนุ่ม ซึ่งมักมีปัญหาเรื่องเนื้อสัมผัสที่ไม่น่าทานนัก โดยการนำเอาความกรอบของโปรตีนบาร์แบบกรอบมาช่วยเพิ่มมิติและความเพลิดเพลินในการทานมากขึ้น

แม้ว่าโปรตีนบาร์แบบผสมจะช่วยให้ทานง่ายขึ้นและมีเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย แต่ก็อาจจะยังไม่ได้ให้ความรู้สึกกรอบเท่ากับโปรตีนบาร์แบบกรอบโดยตรง และในบางครั้งก็อาจจะยังคงมีความเหนียวหรือรู้สึกติดฟันอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและสัดส่วนที่ผู้ผลิตเลือกใช้

สรุป

โปรตีนบาร์ไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่มีความหลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและรสนิยมที่แตกต่างกันของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนบาร์แบบนุ่มที่หาได้ง่าย โปรตีนบาร์ Plant-based สำหรับผู้ที่ไม่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โปรตีนบาร์แบบเวเฟอร์ที่กรอบอร่อยเหมือนขนม หรือโปรตีนบาร์แบบกรอบที่เคี้ยวสนุกและทานง่าย แต่ละประเภทก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจถึงลักษณะและส่วนประกอบของโปรตีนบาร์แต่ละประเภท จะช่วยให้เราสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของเราได้อย่างแท้จริง

กลับไปยังบล็อก